ประเภทและการทำงานของโอริง

4582 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การทำงานของโอริง

ประเภทและการทำงานของโอริง

ป้องกันการรั่วไหลของเครื่องจักรได้ไปกับโอริง

โอริงอีกหนึ่งส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งมีอยู่ในเครื่องจักรหลายๆอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเครื่องจักร อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร ก็ล้วนมีโอริงเป็นส่วนประกอบในเครื่องจักรทั้งสิ้น เพราะลำพังชิ้นส่วนที่เป็นโลหะหรือของแข็งอย่างอื่นนั้นไม่สามารถป้องกันการรั่วได้ ถึงแม้ว่าเราจะปรับความเรียบของผิวโลหะดีขนาดไหนก็ตาม จึงมีความจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันการรั่วที่ทำมาจากวัสดุยืดหยุ่นได้สำหรับกันการรั่วไหล ดังนั้นแล้วถ้าหากขาดสิ่งที่เรียกว่าโอริงนี้ไปโอกาสที่เครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือจักรกลต่างๆ นั้นอาจจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง

 

โอริงคืออะไร?

โอริง (Oring) นั้นคือวัสดุชนิดหนึ่งที่มีพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปทรงวงกลม ซึ่งผลิตมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น (Elastomers Material) อย่างเช่นยางธรรมชาติ (Nitrile) หรือ NBR, ไวตัน (Viton) หรือ (Viton® or Fluorocarbon), ซิลิโคน (Silicone), เอทธิลีนโพรพิลีนไดอีน (Ethylene-Propylene Diene) หรือ EPDM เป็นต้น วัสดุเหล่านี้จะมีเอกลักษณ์ในเรื่องคุณสมบัติต่อสภาพการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เราสามารถแยกคุณสมบัติโดดเด่นของโอริงเหล่านี้ตามลักษณะการใช้งานอย่างสภาพแวดล้อมของวัสดุที่นำไปใช้ (Fluid) แรงดัน (Pressure) และอุณหภูมิความร้อน (Temperature) ซึ่งโอริงนั้นจะถูกใช้งานหลักๆในชิ้นส่วนของเครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ จักรกลต่างๆ ทำหน้าที่เป็นซีลกันรั่วจำพวกของไหลไม่ให้เข้าไปในอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่างๆ โดยจะถูกติดตั้งตามข้อต่อต่างๆใช้กับอุปกรณ์จำพวก กระบอกสูบในระบบไฮโดรลิค (Reciprocating Seals) หรือใช้ในระบบอัดลม (Pneumatic Seals) เป็นต้น

 

ประเภทของโอริง

สำหรับประเภทของโอริงนั้นจะถูกแบ่งหมวดหมู่ตามวัตถุดิบที่ถูกนำมาผลิต และยังรวมไปถึงลักษณะการนำโอริงนี้ไปใช้งานเป็นหลัก เราสามารถแบ่งหมวดหมู่ได้หลากหลายประเภทที่มีการผลิตและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ
  1. โอริงไนไตร NBR ถูกจัดเป็นโอริงที่ทำมาจากวัตถุดิบยาง Nitrile ซึ่งเป็นที่นิยมในการใช้งานด้วยคุณสมบัติที่สามารถต้านทานต่อน้ำมันและความร้อนอุณหภูมิตั้งแต่ -40 °C ถึง 120 °C ในน้ำมัน (Oil) และ -40 °C ถึง 90 °C ในน้ำ (Water) และยังมีคุณสมบัติยืดหยุ่น สามารถต้านทานต่อแรงกดบีบอัด มีความต้านทานการสึกหรอที่สูง

  2. โอริงไวตัน Viton® ถูกจัดเป็นโอริงที่ทำมาจากวัตถุดิบยาง Fluorocarbon rubber ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่สูงซึ่งอยู่ในช่วงอุณหภูมิ -26 °C ถึง 232 °C และยังมีคุณสมบัติต้านทานอุณหภูมิในหลายๆสภาพแวดล้อม อาทิ อากาศทั่วไป, ในน้ำมันไฮโดรลิกส์, น้ำมันเชื้อเพลิง, สารตัวทำละลาย, รวมไปถึงสารละลายเคมีบางอย่างอีกด้วย

  3. โอริงซิลิโคน Silicone ถูกจัดเป็นโอริงที่ทำมาจากวัตถุดิบยาง Silicone ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถต้านทานอุณหภูมิได้ดีทั้งในสภาวะความร้อนและในสภาวะความเย็นตั้งแต่ -59 °C ถึง 232 °C แต่เนื่องด้วยโอริงที่ทำมาจากซิลิโคนนั้นครอบคลุมกลุ่มของวัสดุจำพวก Vinyl-menthyl-silicone (VMQ) โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนผสมค่อนไปทางกลางๆ จึงทำให้โอริงประเภทนี้มีความต้านทานแรงดึงค่อนข้างจำกัด และต้านทานการสึกหรอในระดับต่ำ

  4. โอริง EDPM ถูกจัดเป็นโอริงที่ทำมาจากวัตถุดิบจำพวกพอลิเอทิลีน (Ethylene) และโพรพิลี (Propylene) ซึ่งโอริงที่ทำมาจากยางประเภท Ethylenepropylene diene- (EDPM) จะมีคุณสมบัติที่สามารถทนต่ออุณหภูมิได้ตั้งแต่ -55 °C ถึง 150 °C

 

หลักการทำงานของโอริง

การทำงานของโอริงนั้นจะเริ่มจากการที่เราติดตั้งโอริงเข้าไปยังร่องโอริง (Gland) หลังจากที่เราติดตั้งเข้าไปในตำแหน่งติดตั้งเรียบร้อยแล้วนั้น จะสังเกตได้ว่าโอริงจะเข้ารูปกับผิววัสดุของแข็งทำให้แนบสนิทไม่มีช่องว่าง ทำให้สามารถป้องกันการรั่วไหลของไหลเข้าสู่เครื่องจักรของเรา และเมื่อโอริงนั้นได้รับแรงดันจากของไหล แรงดันนั้นจะดันโอริงเข้าไปติดกับผนังร่องโอริงด้านตรงข้ามกับด้านที่มีแรงดันซึ่งถือเป็นการเริ่มทำหน้าที่ของโอริง และด้วยคุณสมบัติของโอริงที่มาจากวัสดุที่ยืดหยุ่นได้ทำให้โอริงนั้นสามารถเปลี่ยนรูปแบบไปตามรูปทรงของผนังร่องโอริงและฝาได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันไม่ให้ของไหลที่มีแรงดันจากภายในรั่วซึมออกไปข้างนอกได้นั่นเอง

 

หลักการสำหรับพิจารณาในการเลือกใช้โอริง

สำหรับการพิจารณาเลือกใช้โอริงนั้นสำคัญอย่างมากในการนำไปใช้งานให้ถูกต้องตามลักษณะการใช้งานเพื่อให้เครื่องจักรของเราสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

  1. ความแข็งของโอริง (Hardness) คือความสามารถในการต้านทานต่อแรงดันและยังรวมไปถึงการเปลี่ยนรูปแบบของโอริงอีกด้วยซึ่งหน่วยที่ใช้บอกค่าความแข็งของโอริงนั้นคือ ชอร์ เอ (Shore-A)

  2. ค่าความต้านทานต่อแรงดึง คือค่าของความต้านทานต่อแรงดึงที่จุดที่จะทำให้โอริงของเราเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างถาวร ซึ่งโอริงที่มีค่าความต้านทานต่อแรงดึงสูงในช่วงเวลาที่เรายืดตัวโอริงให้ขยายตัวออกโอของจะสามารถที่จะขยายตัวออกได้ยาวกว่าโอริงที่มีค่าความต้านทานต่อแรงดึงต่ำกว่า

  3. อุณหภูมิที่ใช้งานและอุณหภูมิสูงสุดของการใช้งานโอริง เมื่อเราทราบถึงลักษณะการใช้งานแล้ว ก็ควรเลือกโอริงที่ทำมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติทนต่อช่วงอุณหภูมิที่เราต้องการใช้งาน

  4. ประเภทของการนำโอริงไปใช้งาน โอริงสามารถนำไปใช้งานได้หลายประเภทตามลักษณะการใช้งานซึ่งการใช้งานในแต่ละรูปแบบนั้นจะมีข้อจำกัดและรายละเอียดเฉพาะเจาะจงแตกต่างกันออกไปอย่างเช่น Static Seals เป็นการใช้งานโอริงในการซีลข้อต่อหรือจุดต่อต่างๆ, Reciprocating Seals เป็นการใช้งานโอริงที่ใช้กับชิ้นส่วนของเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาหรือไปแล้วกลับในกระบอกหรือรางที่ถูกบังคับทิศทางการเคลื่อนที่, Oscillating Seal เป็นการใช้โอริงซีลเพื่อกันรั่วสำหรับงานที่กระบอกนอกและเพลาด้านในมีความสัมพันธ์ในการเคลื่อนที่ในรูปแบบของการเคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือเคลื่อนที่ไปรอบๆ, Rotary Seals เป็นการใช้โอริงซีลเพื่อป้องกันการรั่วของงานที่กระบอกหรือตัวเรือนด้านนอกหมุนอยู่รอบๆเพลาและตัวโอริง ซึ่งการใช้โอริงประเภทนี้จะเป็นการซีลในทิศทางการหมุนต้องไปในทิศทางเดียวไม่หมุนกลับ, Seat Seal เป็นการใช้โอริงเพื่อปิดทางไม่ให้ของไหลๆ ผ่านออกจากส่วนที่ต้องการควบคุม, Pneumatic Seals เป็นการใช้โอริงที่ใช้กับระบบลมอัด, Vacuum Seals เป็นการใช้โอริงที่เป็นการซีลของระบบสุญญากาศ

  5. ขนาดของโอริง โดยเราสามารถบอกขนาดของโอริงที่ต้องการได้จากเส้นผ่าศูนย์กลางภายใน และความหนา

  6. ประเภทของการติดตั้งโอริง สามารถแบ่งได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็น โอริงที่ติดตั้งกับชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่, โอริงที่ถูกติดตั้งในชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนที่, โอริงที่ถูกติดตั้งในชิ้นส่วนที่อยู่กับที่

เลือกผู้จัดจำหน่ายโอริงมาตรฐานกับ PNP Sealing

นอกจากการเลือกโอริงด้วยคุณสมบัติต่างๆตามที่เราต้องการแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยในการเลือกโอริงให้ได้มาตรฐานนั่นก็คือการเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีคุณภาพอย่าง PNP Sealing ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าและบริการซ่อมบำรุง แมคคานิคอลซีล (Mechanical Seal) ด้วยความรวดเร็ว ว่องไว ทันใจ มีคุณภาพ ซึ่งเรายังคิดค้นและวิจัยเพื่อพัฒนาระบบซีลกันรั่วสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆอยู่ตลอดเวลา

พร้อมให้บริการให้คำปรึกษาการตัดสินใจเลือกโอริงอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
แม้โอริงจะมีขนาดที่เล็กเมื่อเทียบกับเครื่องจักรต่างๆ แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโอริงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชิ้นส่วนเครื่องจักรต่างๆด้วยคุณสมบัติที่สามารถป้องกันการรั่วไหลซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรโดยตรง จึงทำให้โอริงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในอุตสาหกรรมหลายๆประเภทนั่นเอง และสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจในการเลือกโอริงให้ตรงตามลักษณะการใช้งาน พลาดไม่ได้เลยกับบริการของ PNP Sealing ด้วยการบริการที่รวดเร็ว ว่องไว มีคุณภาพ ยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการโอริงอย่างแน่นอน

 

ติดต่อ PNP Sealing
https://www.pnpseal.com/oring-rubber 
Tel : 0-2102-0196-7
E-mail : contact@pnpseal.com
Facebook : pnpseal
Line ID : pnpseal

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้